โภชนาการพร่องแป้ง

คีโตน คีโตสิส เลือดเป็นกรดจากคีโตน

คีโตนเป็นสารให้พลังงานที่สามารถละลายได้ในน้ำ ถูกสร้างขึ้นภายในไมโตคอนเดรียภายในตับและเซลล์ไขมันที่คุณสะสมไว้ มีบทบาทสำคัญในการใช้เป็นพลังงานทางเลือกกับกลูโคส และด้วยความที่มันละลายน้ำได้ มันจึงไม่ต้องอาศัยโปรตีนในการพา สามารถแพร่ไปยังเซลล์ต่างๆได้ รวมถึงเยื่อหุ้มสมองที่มีปราการคัดสรร สารอาหารอย่างแน่นหนา

ไขมันในร่างกายจะสามารถนำมาสร้างเป็นคีโตนได้ 3 รูปแบบ คือ
1. Beta-hydroxybutyrate(BHB) เป็นรูปแบบหลักของคีโตนที่ร่างกายเอามาหมุนในกระแสเลือดเพื่อใช้เป็นพลังงาน
2. Acetone ขับออกทางลมหายใจ(แสดงให้เห็นว่า Calorie ที่ out ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปของพลังงานความร้อนหรือ ATP เสมอไป)
3. Acetoacetate เป็นสารตั้งต้นของสองตัวด้านบน ขับออกทางปัสสาวะได้ภาวะที่ร่างกายใช้คีโตนเป็นพลังงานหลัก จะเรียกว่า Ketosis
ซึ่งหลายคนคงคุ้นเคยกับคำๆนี้

“ไม่ได้ทานคีโต แล้วร่างกายจะเข้าสู่คีโตสิสได้ไหม”
หลักการของ Ketosis จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อน้ำตาลและอินซูลินในร่างกายอยู่ในระดับต่ำพอที่จะหยุดการกดการเผาผลาญไขมัน ประกอบกับความยืดหยุ่นของไมโตคอนเดรียในการสันดาปคีโตน ซึ่งความยืดหยุ่นนี้แปรตามอายุ เพศสภาพ activity ปริมาณอินซูลินและระดับของภาวะดื้ออินซูลิน เด็กกับผู้ใหญ่ใช้ระยะเวลาในการดึงร่างกายเข้าสู่ภาวะคีโตสิสได้เร็วไม่เหมือนกัน ถ้าคุณอายุยังน้อย แค่กินคลีน ร่างกายก็เข้าสู่คีโตสิสได้ เพราะร่างกายใช้กลูโคสได้อย่างมีประสิทธิภาพและไมโตคอนเดรียสามารถดึงเอาคีโตนไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ Ketogenic diet ถูกออกแบบมาเพื่อติวเข้มให้ทุกคนสามารถเข้าสู่คีโตสิสได้ และไม่ถูกรบกวนจากคาร์บภายนอก คน >95% ที่ไม่ว่าจะช่วงอายุไหนที่ใช้ Ketogenic diet จึงสามารถเข้าสู่คีโตสิสได้หมด

“Nutritional ketosis VS Ketoacidosis”
ต่างกันที่ปริมาณคีโตนในกระแสเลือด ซึ่งในผู้ที่ทานอาหารคาร์บต่ำจะไม่มีการสะสมของคีโตนมาก เพราะร่างกายถูก Force ให้นำคีโตนมาใช้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งปริมาณคีโตนในกระแสเลือดมักจะไม่เกิน 5 mmol/L แต่ถ้าคีโตนถูกสร้างอยู่ตลอดจากการที่เซลล์ไม่สามารถใช้กลูโคสเป็นพลังงานได้ และคีโตนที่สร้างออกมาไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากน้ำตาลในกระแสเลือดยังคงสูง เพราะร่างกายต้องกำจัดน้ำตาลก่อน ก่อนที่จะมาจัดการกับคีโตน ทำให้มีการสะสมของคีโตนมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงระดับที่ก่อให้เกิดความผิดปกติของร่างกาย ทำให้เลือดเป็นกรด หรือที่เรียกว่า Ketoacidosis ซึ่งปริมาณคีโตนในกระแสเลือดส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับ >10 mmol/L

เพราะฉะนั้น ในคนที่ใช้โภชนาการ Low carb ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ด้วยเหตุผลที่ผมกล่าวไปแล้วข้างต้น

พรุ่งนี้อย่าลืมติดตามว่า “คีโตน” เราจะได้อะไรนอกจากพลังงาน
คุณคิดว่าที่มานั่งตัดแป้งตัดน้ำตาล เพื่อดึงร่างกายเข้าสู่คีโตสิส นอกเหนือจากการลดน้ำหนักแล้ว คีโตนให้ประโยชน์อะไรได้บ้าง พิมพ์ตอบไว้ใต้คอมเมนต์ได้เลยครับ

ผมขอบอกเลยว่าประโยชน์ของมันมีเยอะกว่าที่คิดแน่นอน

DietClinic by Dr.TIM

[elementor-template id=”1368″]
Show More

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Check Also
Close
Back to top button