ผู้สูงอายุหลายคนเวลาไป รพ. บ่นปวดเข่านู่นนี่อาจได้แคลเซียมติดไม้ติดมือกลับมา ทั้งๆที่ยังเตยตรวจหาข้อบ่งชี้ในการใช้แคลเซียมเลยว่ามีความจำเป็นหรือไม่
การศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ใน JAHA เมื่อปี 2016 ถูกทำในคนหลายเชื้อชาติจำนวน 2,742 คน ดูว่าการทานแคลเซียมมีผลต่อการสะสมของแคลเซียมในผนังหลอดเลือดหรือเปล่าโดยอาศัยการตรวจ Coronary artery calcium score(CAC) พบว่าคนที่ทานแคลเซียมที่มากแหล่งธรรมชาติยิ่งทานมาก ยิ่งลดความเสี่ยงในการเกิดหลอดเลือดแข็ง แต่ในทางตรงกันข้ามคนที่ทานแคลเซียมที่มาจากอาหารเสริม กลับมีความเสี่ยงในการเกิดหลอดเลือดแข็งมากกว่า 1.22 เท่า
คำถามคือ แคลเซียมที่เราเสริมเข้าไป ไม่ว่าจะอยู่ในรูป Calcium carbonate หรือ Calcium threonate มันไปอยู่ที่กระดูกจริงหรือ? ยิ่งเป็นโรคไตแล้วยิ่งต้องคิดหนัก
จึงมีคำแนะนำออกมาว่าเวลาเวลาจะเสริม Calcium ให้เสริมวิตามิน D ด้วย เพราะวิตามิน D ช่วยดึงแคลเซียมเข้ากระดูก แต่ต้องมีข้อแม้ก่อนว่ากระดูกต้องขาดแคลเซียมก่อน กลไกตรงนี้ถึงจะเกิดอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับปริมาณแคลเซียมที่แนะนำต่อวัน คือ 400-1400 mg ต่อวัน ความต้องการแคลเซียมจะค่อยๆเพิ่มมากขึ้นตามอายุ
แหล่งของแคลเซียมที่ผมแนะนำ คือ สัตว์ที่ทานทั้งกระดูก เช่น ปลาเล็กปลาน้อยต่างๆ ซาดีน คะน้าโดยเฉพาะตรงก้าน บร๊อคโคลี
ผลิตภัณฑ์จากนมวัวยัง controversy คือยังคลุมเครือ ถ้าใครไม่มีปัญหาเรื่องอินซูลิน ไม่มีปัญหาเรื่องการย่อยนมก็ทานได้ครับ
Ref.
1. Calcium Intake From Diet and Supplements and the Risk of Coronary Artery Calcification and its Progression Among Older Adults: 10‐Year Follow‐up of the Multi‐Ethnic Study of Atherosclerosis (MESA)
John J.B. Anderson, Bridget Kruszka, Joseph A.C. Delaney, Ka He, Gregory L. Burke, Alvaro Alonso, Diane E. Bild, Matthew Budoff, and Erin D. Michos
