เข้าใจสรีระวิทยากันก่อน
-กรดยูริคส่วนใหญ่ได้มาจากน้ำตาลฟรัคโตสและกลูโคส และทั้งคู่สามารถนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการสร้างสิ่งที่เรียกว่า พิวรีน ได้ที่ตับ ซึ่งมักจะอยู่ตาม DNA และ RNA ภายในนิวเคลียสของทุกๆเซลล์ เมื่อไหร่ที่มีการสลาย พิวรีนนิวคลีโอไทด์นี้เราก็จะได้ผลผลิตที่เรียกว่า Uric acid หรือกรดยูริคออกมา
-ร่างกายผลิตยูริค”เอง”จากพิวรีน ได้มากกว่า 5-10 เท่าของพิวรีนที่เรากินเข้าไปในแต่ละวัน เพราะฉะนั้นคนที่มีกรดยูริคสูงแต่ยังไม่เคยมีอาการของเก๊าท์ อาจยังไม่ต้องเลี่ยงอาหารที่เค้าว่าทำให้เป็นเก๊าท์แต่มีประโยชน์ เช่น อาหารทะเล ผักต่างๆ สัตว์ปีก (ยกเว้นอาหารประเภทฟรัคโตสแปรรูปที่มีคุณสมบัติในการเปลี่ยนเป็นกรดยูริคได้ค่อนข้างสูง)
-แต่คนที่กำลังมีการกำเริบหรือพึ่งหายจากการกำเริบของเก๊าท์แนะนำให้หลีกเลี่ยงไปก่อนจนกว่าอาการจะสงบอย่างน้อย 2 เดือนขึ้นไปก่อนและมีการคุมอาหารได้ในระดับนึงแล้ว
-กรดยูริค จริงๆแล้วโดยตัวมันมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ แต่ถูกมองเป็นของเสียเพราะหากมีการสะสมเยอะมากๆจะทำให้เกิดการตกผลึกเป็นตะกอนในไต ในข้อได้
-กรดยูริคจะถูกขับออกทางไต แต่รู้ไหมครับว่าร่างกายสามารถดูดกรดยูริคกลับได้สูงสุดถึง 50%
-เพราะฉะนั้นกรดยูริคอาจไม่ใช่สาเหตุของเก๊าท์ตั้งแต่ต้น มันต้องมีอย่างอื่นซ่อนอยู่แน่ๆ ยูริคสูงเป็นแค่อาการนึงเท่านั้น เหมือนน้ำตาลในเลือดสูงของคนที่เป็นเบาหวานนะแหละครับ
การอักเสบ,การตายของเซลล์,อินซูลินในเลือดที่สูง, ภาวะดื้ออินซูลิน >ตัวการสำคัญของการสูงขึ้นของกรดยูริค + อาหารที่มีฟรัคโตสสูง ทำให้ร่างกายมีกรดยูริคที่สูงมากเกินไปจนขับออกไม่ทัน
-กรดยูริคสูง≠เก๊าท์
