หลักการทำงานของไขมันในร่างกาย

หลังจากคนไข้เบาหวานรายนี้ปรับอาหารได้ 4 อาทิตย์ มีแต่คนทักว่า เห้ย ทำไมผอมลง ไม่กินยาเบาหวานแล้วเหรอ ทำไมหน้าตาแจ่มใสมากขึ้น แถมมียังแรงทำสวนอีก

ความเปลี่ยนแปลงของคนไข้รายนี้ อธิบายได้ทั้งหมดจากผลเลือด ที่ผมจะโชว์ให้ดูดังนี้
หลังจากที่เริ่มตัดแป้ง ตัดคาร์บ ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะลงมาสู่ระดับปกติ ไกลโคเจนหรือน้ำตาลสำรองในตัวจะถูกสลายจนหมด น้ำหนักก็จะเริ่มลดลง
ไตรกลีเซอไรด์ (TG) ที่เคยค้างอยู่ในกระแสเลือด จะถูกนำมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้นเพื่อชดเชยพลังงานจากคาร์บที่หมดไป
แต่ไตรกลีเซอไรด์หรือไขมันนี้จะดุ่มๆไปให้เซลล์เผาไม่ได้ ต้องเกาะรถตู้ที่ชื่อ ไลโพโปรตีน คุ้นๆชื่อนี้ไหมครับ เช่น low density “lipoprotein” (LDL)
*Lipoproteins ไม่ใช่คอเลสเตอรอลนะ แต่
ไลโพโปรตีนแต่ละตัวจะทำงานได้ต้องอาศัยคอเลสเตอรอลมาช่วยพ่วงเหมือนลูกติด
ดังนั้นเวลาห้อง Lab เจาะ วัดคอเลสเตอรอลรวม มันก็คือ ผลรวมของ lipoprotein ทุกชนิด คือ VLDL+LDL+HDL
คนงานไตรกลีเซอไรด์หลังจากที่ตับสร้างออกมาจะต้องให้รถตู้ VLDL มารับ แล้วปล่อยลงตามโรงงานต่างๆ แต่ถ้าป้ายมันบอกว่าห้ามลงเพราะคุณไม่ใช่คนของเรา เราไม่ต้อนรับ คนงานก็ลงไม่ได้ค้างเติ่งในหลอดเลือด แบบในคนไข้รายนี้ถึง 337 แหนะ แถมคนงานกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามอาหารที่ทาน รถตู้ก็ไม่พออีก
HDL ที่เหมือนรถเก็บขยะคอยเก็บขยะตามหลอดเลือด กลับต้องมาแบกรับคนงานที่ล้นพวกนี้ HDL จึงลดลงเหลือแค่ 9
แต่พอร่างกายถูกบีบบังคับให้ใช้ไขมันเป็นพลังงานมากขึ้น เหมือนโรงงานกำลังขาดคน เปิดใจบอกคนงานบนรถใหม่ว่าคุณลงป้ายนี้ได้นะ กำลังขาดคน ไตรกลีเซอไรด์ส่วนนึงจะลงจากรถ VLDL แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นรถตู้ LDLแล้วก็จะวนอยู่ในร่างกายซัก 2-3 วัน เผื่อว่ามีโรงงานขาดคนอีก ระดับไตรกลีเซอไรด์ของคนไข้จึงลดลงเหลือ 200
เมื่อเราฝึกร่างกายให้เบิร์นไขมันเป็นพลังงานไปซักพักนึง โรงงานในตัวก็จะเริ่มมากขึ้น ดึงไตรกลีเซอไรด์ในพุง ในตับมาใช้มากขึ้น รถตู้ก็เริ่มไม่พอ ต้องสร้างรถตู้ออกมาส่งไตรกลีเซอร์ไรด์เพิ่ม ระดับ total cholesterol จึงเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะสนับสนุนไลโพโปรตีน LDL ก็เพิ่มขึ้น ของคนไข้จาก 48 ขึ้นเป็น 105
HDL ที่ขึ้นมาจาก 9 เป็น 44 นั่นเป็นเพราะคนงานไม่ต้องไปอาศัยรถเก็บขยะแล้ว ตัว HDL จึงสูงขึ้นตามมาและได้ทำหน้าที่เก็บขยะของมันจริงๆ

นี่คือตัวอย่างของความเปลี่ยนแปลงทางห้องปฏิบัติการที่ไปในทางที่ดี ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนครึ่ง แต่ผมเชื่อว่านี่ยังไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ เค้าสามารถไปได้ดีกว่านี้อีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
สุดท้ายนี้ ถ้าคุณกางผลแลปดูแล้วบ่นตัวนั้นสูง ตัวนี้สูง ช่วยลองหาเหตุผลอธิบายหน่อยว่าทำไมถึงสูง ถ้าคุณอธิบายมันได้ คุณก็จะรู้ว่า ที่บอกว่าสูงเกินค่านั้นมันก่อความผิดปกติหรือเปล่า
ยาวจัง ขี้เกียจอ่านทวนละครับ ขออภัยหากมีคำผิดนะครับ
[elementor-template id=”1368″]