แผลเบาหวาน

มีหลายคนทักถามเข้ามาเรื่องแผลเบาหวาน ว่าจะต้องทำยังไงให้หาย
เคยเหยียบเศษแก้วไหมครับ แผลนิดเดียวแต่เดินไม่ได้ไปหลายวัน
แต่กับแผลเบาหวาน แทบเรียกได้ว่าทำให้คนนั้นพิการได้เลย
การที่จะทำให้แผลหาย คุณต้องรู้ก่อนว่าแผลในคนที่เป็นเบาหวานแตกต่างจากแผลของคนปกติยังไง สาเหตุของการหายช้ามาจากอะไร
ผมจะยกตัวอย่างแผลของคนไข้รายนึงของผม ที่มีปัญหาแผลเบาหวานเรื้อรังมา 3 เดือน แม้จะเป็นแผลไม่ใหญ่มาก แต่ก็เจอหน้ากันแทบทุกวันที่ห้องทำแผลตลอดเวลา 3 เดือน ใช้ยาเรียกเนื้อก็แล้ว ยาฆ่าเชื้อก็แล้วแต่ไม่หายซะที่

ช่วงนั้นระดับน้ำตาลสะสมหรือ HbA1C อยู่ประมาณ 11% หรือประมาณ 250-300 mg%
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ การน้ำตาลในกระแสเลือดสูงเป็นระยะเวลานาน
เนื้อเยื่อหรือเซลล์ต่างๆที่ถูกสัมผัสจะเกิดกระบวนการ Glycosylation ก็คือการที่นำ้ตาลนั้นไปเกาะเซลล์หลอดเลือด เส้นประสาทของอวัยวะบริเวณนั้นเสื่อมสภาพ ตีบ แข็ง เป็นผลให้

“1.เลือดมาเลี้ยงได้ไม่ดี” ถ้าเป็นมากๆจะสังเกตได้จากสีของผิวหนังที่เปลี่ยนไป และพอเลือดมาเลี้ยงไม่ดีของเสียต่างๆก็สะสมมาก สารอาหารดีๆก็มาไม่ได้เช่นกัน
“2.ระบบประสาท” ที่เสื่อมเช่นกัน ผู้ป่วยหลายคนมีอาการชาปลายมือ ปลายเท้า เวลาเกิดแผลก็จะไม่รู้สึก ปล่อยไว้ไม่ได้ทำแผล จนแผลเกิดการติดเชื้อ
“3.เชื้อโรคก็ชอบน้ำตาลด้วย” น้ำตาลเป็นอาหารชั้นยอดของเชื้อโรคเลยนอกจากระดับน้ำตาลที่สูงยังทำให้
“4.ระบบภูมิคุ้มกัน” ที่จัดการกับการติดเชื้อที่เท้าโดยตรงเสียไปด้วย
4 ปัจจัยข้างต้น ทำให้แผลของคนเป็นเบาหวาน ไม่เหมือนกันแผลของคนทั่วไป
คนไข้ผมรายนี้มีปัญหาเรื่องปลายประสาทเสื่อมมาก เวลาเดินแทบไม่รู้สึกถึงแรงกระแทกที่พื้น จนเกิดกระดูกเท้าผิดรูป หรือที่เรียกว่า Charcot neuropathic osteoarthropathy ทำให้ตรงที่กระดูกแหลม ทิ่มเกิดเป็นแผลตื้นๆ จากนั้นแผลก็ลามลึกลงไปเรื่อยๆจนถึงผิวกระดูก ข้างในเป็นโพรงหนองขนาดใหญ่ แต่ยังโชคดีที่แผลตรงนั้นยังไม่ลามเข้าไปกระดูก เคยมีคุณหมอแนะนำให้ตัดเท้าแต่ท่านไม่ยอม เลยต้องไปๆมาๆทำแผลที่ รพ.นานขนาดนี้

สิ่งที่ผมเริ่มทำเลยคือ
1. คุมน้ำตาลด้วยโภชนาการ Low Carb High Fat moderate protien เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้อินซูลินให้ได้มากที่สุด เพื่อการฟื้นฟูเนื้อเยื่อในระยะยาว ประกอบพยายามรักษาระดับน้ำตาลเฉลี่ยทั้งวันไม่ให้เกิน 180mg% ***ข้อนี้ผมมองว่าสำคัญที่สุดเลย เพราะ ถ้าเราคุมตรงนี้ได้ เราสามารถลดปัจจัยเหตุทั้ง 4 ข้อ ที่ทำให้แผลไม่หายซะที
2. ทำแผลทุกวัน อย่างถูกต้องนะครับ เน้น อย่างถูกต้อง!!! ไม่แน่ใจให้ไปทำที่ รพ. ให้พี่พยาบาลเค้าสอนก็ได้ ไม่มีการใส่ผงวิเศษ เป่าคาถาใดๆทั้งสิ้น วันละครั้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
พอน้ำตาลคุมได้ หลังจากนั้นไม่เกิน 3 วัน จากเนื้อตายที่เป็นหนองก็หายไป เป็นเนื้อแดงพร้อมจะโตมาให้เต็ม ประมาณ 2 สัปดาห์นิดหน่อย เนื้อก็ฟูจนเกือบปิดรู
พอแผลหายก็ต้องหาทางป้องกันไม่ให้เป็นแผลซ้ำ
หมั่นเช็คเท้าบ่อย ใส่ถุงเท้า ระวังเรื่องความชื้น หารองเท้าที่เหมาะสม เพราะระบบประสาทใช้เวลานานกว่าจะฟื้นฟูการรับความรู้สึกให้กลับมา
แต่ผมเคยเจอนะ ขอทำแผลเองจนเน่า
แผลพวกนี้ต้องระวังนะครับ ข้างนอกดูอาจเล็กแต่ข้างในนี่ยับเยินมาก
ถ้าปล่อยไว้มีการลุกลามเข้ากระดูกหรือกระแสเลือดอาจถึงแก่ชีวิตได้
ให้คุณหมอเค้าติดสินเถอะครับว่า ยังเก็บไว้ไหวอยู่หรือเปล่า เค้ามีวิธีดูของเค้า
ผมยกตัวอย่างเคสนี้มาเป็นตัวอย่างเพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังเจอปัญหาแผลเรื้อรังจากเบาหวานอยู่ อย่าพึ่งหมดความหวังถ้ายังไม่ได้ลองคุมอาหารอย่างจริงๆจังๆครับ
แต่ก็อย่าลืมว่าพอแผลหายแล้ว ไม่ได้แปลว่าเบาหวานหายนะครับ ควรที่จะคุม HbA1C ให้ลงมาปกติ เพื่อป้องกันโรคอื่นๆที่จะตามมาอีกด้วย
อย่าอายที่จะถาม ผมใจดี สงสัยตรงไหนหลังไมค์มาได้เลยครับ จะพยายามตอบให้ดีที่สุดครับ ฝากแชร์หน่อยนะครับ
สู้ๆครับ