ภาวะแทรกซ้อนที่สัมพันธ์กับภาวะดื้ออินซูลินไตวายเรื้อรัง

ไตวายแล้วจะเป็นยังไง

หน้าที่การทำงานหลักของไตคือ สร้างปัสสาวะ ขับเอาของเสียออก สร้างสมดุลกรดด่างในเลือด รวมทั้งกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงเพราะเวลามีคนไข้มาตรวจติดตาม ผมมักจะถามว่ามีโรคไตด้วยไหม คำตอบที่ได้มักจะบอกว่ามี แต่ไม่รู้เป็นแค่ไหน บางคนเกือบต้องล้างไตแล้วยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ

เคยได้ยินคุณหมอพูดไหมครับ ป้าไตวายระดับ 1 ระดับ 2แล้วรู้ไหมครับมันมีกี่ระดับ ทำไมต้องแบ่ง

แต่ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับ Creatinine(Cr) กันก่อน ครีเอตินีน คือของเสียที่เกิดจากกล้ามเนื้อ และร่างกายจะมีการกำจัดโดยผ่านการกรองของไต ซึ่งในภาวะปกติ Cr จะเหลือคงค้างในเลือดน้อยมาก <1.2 mg/dL ต้องแยกกับ Creatine นักกล้ามน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะ Creatine เป็นกรดอะมิโนที่สามารถใช้เป็นพลังงานได้ทันทีเวลาออกแรง และสลายเป็น Creatinine เพื่อขับออกทางไต

แต่ในผู้ที่ไตมีปัญหา การกรองเอา Cr ออกนั้นทำได้ไม่ดี จึงมีการค้างของ Cr ในกระแสเลือดมากขึ้น และเราก็จะเอาปริมาณของ Cr ที่ค้างในกระแสเลือดมาคำนวณอัตราการกรองของไต และแบ่งเป็นระดับๆ ผมจะไม่ลงลึกว่าไตวายมีกลไกการเกิดอย่างไร เพราะแต่ละโรคมีผลต่อพยาธิสภาพต่อเนื้อไตไม่เหมือนกัน แต่โดยรวมมีผลทำให้การกรองของเสียลดลงเหมือนกัน ในโพสต์เก่าๆเคยพูดถึงไตวายจากน้ำตาลสูงอยู่ลองค้นกลับไปหาอ่านกันได้

อีกหนึ่งค่าที่ควรรู้จักคือค่า BUN หรือ Blood urea nitrogen ถ้าค่านี้สูงขึ้นก็จะแปลได้ว่าตอนนั้นร่างกายมีการสลายโปรตีน จากสาเหตุใดๆก็แล้วแต่เป็นจำนวนมาก อย่างเช่น ติดเชื้อ ไตมีการขาดเลือด ประกอบกับอัตราการกรองที่เสียไปจะทำให้ urea ค้างในกระแสเลือดมากได้เช่นกัน ซึ่งถ้าของเสียนี้สูงมากๆก็ทำให้สมองเบลอได้เช่นกัน

ย้อนกลับมาที่การแบ่งระดับการกรองของไตจะใช้ค่าที่เรียกว่า GFR(Glomerular filtration rate) เวลาไปเจาะเลือด การแปลผลอันดับแรกคือ เราต้องว่าไตมีพยาธิสภาพหรือไม่ ถ้าเริ่มมีพยาธิสภาพแล้ว จึงค่อยมาแบ่งระดับ เพราะจะมีบางคนที่พอคำนวณ GFR ออกมาแล้วตกเกณฑ์ อันเนื่องมาจากร่างกายมีการสร้าง Cr มาก เช่น High Protien diet มวลกล้ามเนื้อเยอะ กำลังทานยาหรืออาหารเสริมบางชนิด หรือพึ่งผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก แต่พวกนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาเรื้อรังระยะยาวใดๆนะครับ

ไตวายมี 5 ระดับ คือ 1 2 3A 3B 4 5

GFR เริ่มจาก 0 คือ สูญเสียฟังก์ชั่นการกรองทั้งหมด

สิ่งที่คุณควรรู้คือ ไตวายที่มากกว่าระดับ 3B GFR<45 นั้นมีความสัมพันธ์กับโรคที่เกี่ยวข้องกับ Atherosclerosis อื่นและตัวไตไม่สามารถผลิตสารกระตุ้นเม็ดเลือดแดง คนไข้เหล่านี้จึงซีด ต้องไปฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือด หรือรับเลือดอยู่บ่อยๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยครับ ระดับ 4 ถ้าไม่คิดจะปรับพฤติกรรมก็ต้องเริ่มคุยเรื่องการล้างไต พอระดับสุดท้ายหรือระดับที่ 5 ก็ที่จะได้รับการล้างไตครับ แทงเส้นเลือดที่คอ ผ่าตัดแขนทำเส้น หรือวางสายหน้าท้อง บอกเลยว่าไม่สนุกแน่นอนครับ

การ reverse ค่าไตนั้น ขึ้นกับสาเหตุ ผมจะพูดเฉพาะไตที่วายจากผลพวงของภาวะดื้ออินซูลินนะครับ จากประสบการณ์ที่ผมได้ ทำการ reverse ผู้ป่วยที่มีภาวะดื้ออินซูลินและไตวายเรื้อรังจนถึงระดับ 4 เกือบต้องล้างไต สามารถกลับขึ้นมาอยู่ในระดับ 1-2 ได้ และไม่แย่ลงอีก โดยใช้วิธีการคล้ายๆกับ การ Reverse Atherosclerosis . แต่ควรจะต้องระมัดระวังในเรื่องของ

ปริมาณโปรตีน ที่อาจมีผลให้ของเสียคั่งสูงมากขึ้น รวมถึงการทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงๆ เนื่องจากถ้าไตขับออกได้ไม่เพียงอาจทำให้ระดับโพแทสเซียมสูงในเลือดอย่างรวดเร็วและมีผลต่อการเต้นของหัวใจได้ ควรได้รับการตรวจ Electrolyte บ่อยมากขึ้น เพื่อประเมินระดับเกลือแร่ และอีกเรื่องก็คือการใช้ Low carb มีผลให้ร่างกายเสียน้ำได้เยอะพอสมควร ซึ่งส่งผลต่อเลือดที่ไปเลี้ยงที่ไต ถ้า hydration ไม่พอ Cr อาจสูงขึ้นได้อีก ควรมีการติดตามกับแพทย์ผู้ดูแลอย่างใกล้ชิดครับ

สุดท้ายนี้อยากให้ทุกคนดูแลตัวเองอย่าปล่อยให้ตัวเองไปอยู่ในจุดที่กู่ไม่กลับ เพราะบางอย่างมัน reversible ได้ไม่ 100% จริงๆนะครับ

[elementor-template id=”1368″]
Show More

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Check Also
Close
Back to top button