แนวทางการรักษาและมอนิเตอร์

หลักการสำคัญ 2 ข้อของการรักษา

ถ้าหากเปรียบร่างกายมนุษย์เป็นเหมือนถ้วยใบนึง ซึ่งถ้วยเปล่าใบนี้เมื่อยังหนุ่มสาว ก็เปรียบเสมือนถ้วยเปล่า เวลาผ่านไปเราใช้ช้อนตักน้ำตาลใส่ถ้วยใบนี้ทีละนิดๆ พอถึงจุดๆนึง ถ้วยเปล่าใบนี้ก็จะเต็มไปด้วยน้ำตาล แต่ถ้าเรายังไม่หยุดตักน้ำตาลใส่มันก็จะล้นออกมา

นี่คือลักษณะอย่างง่ายของภาวะเบาหวานชนิดที่ 2 ถ้วยที่เต็มไปด้วยน้ำตาลก็คือเซลล์ในร่างกายที่อิ่มและแน่นไปด้วยผลผลิตของน้ำตาล ถ้าเรายังเติมน้ำตาลไม่หยุดมันก็จะล้นออกมาในเลือด ซึ่งตรงนี้แหละ ที่ทำให้หลอดเลือดเสื่อม กลายเป็นอัมพฤกษ์ โรคหลอดเลือดหัวใจ ไตวาย แขน ขาขาดเลือดตามมา

กราฟข้างล่าง คือ ข้อมูลจากงานวิจัยในคน 6,538 คน ติดตามไปเกือบ 10 ปี แล้วเจาะดูน้ำตาลในเลือดเป็นระยะๆ จะเห็นว่าจุดที่กราฟพุ่งสูงชันในช่วงท้าย คิอ ช่วงที่น้ำตาลในร่างกายมันเต็มแล้ว เวลากินอาหารประเภทน้ำตาลเข้าไปมันก็อยู่ในเลือด อณูเซลล์ไม่สามารถเอาเข้าไปใช้งานได้อีกต่อไป

เพราะฉะนั้นวิธีแก้ไข ง่ายๆ 2 ข้อ คือ

1. หยุดเติมน้ำตาล -> ทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรทต่ำๆ ให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้(low carb diet+เพิ่ม fiber)

2. เพิ่มการเผาผลาญน้ำตาลและผลิตผลของน้ำตาลให้มากขึ้น -> เพิ่ม physical activities, หรือทำ intermittent fasting

แล้วยาหละ ยากินเอย ยาฉีดเอย ไม่ช่วยเลยเหรอ? ต้องบอกว่ากลไกของยาเบาหวานหลายชนิด คือ เพิ่มปริมาณอินซูลินหรือทำให้เซลล์ไวต่ออินซูลินมากขึ้น นั่นหมายความว่า เราทำให้เซลล์ที่เดิมอิ่มไปด้วยน้ำตาลอยู่แล้ว รับน้ำตาลเข้าไปเพิ่มอีก บางส่วนก็จะเก็บในรูปไขมัน ในพุง พอกตามตับ ตับอ่อนบ้าง ใครที่มีญาติเป็นเบาหวานน่าจะรู้ดี จากเดิมฉีดยาทีละ ไม่เกิน 10 ยูนิต ผ่านไป 1-2 ปี ก็เพิ่มปริมาณยาขึ้นเรื่อยๆ แถมอ้วนขึ้นเรื่อยๆ

ผมไม่ได้บอกให้หยุดยานะ ไม่ใช่พออ่านจบทุบโต๊ะ วันนี้เราจะเลิกยาเบาหวาน ไม่ใช่แบบนั้นนะ เรายังต้องใช้เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลันจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงมากๆ เพราะ เรายังมีพฤติกรรมเติมน้ำตาลใส่ถ้วยอยู่ตลอดเวลา รู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง

เพราะฉะนั้นเราจึงควรมาแก้ปัญหาที่ต้นเหตุจริงๆดีกว่า ตามหลักอริยสัจ 4

ถ้าหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวเองหรือคนที่เรากำลังดูแลอยู่ก็เข้ามาพูดคุยกันได้ในกลุ่มของเรา https://web.facebook.com/groups/1785909418220936/

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ ถ้าคิดว่าเป็นประโยชน์ก็ช่วยกดไลค์ กดแชร์ให้คนทั่วโลกได้รู้และเข้าใจกันนะครับ

Ref:

Tabák AG1, Jokela M, Akbaraly TN, Brunner EJ, Kivimäki M, Witte DR. (2009 Jun 27) ‘Trajectories of glycaemia, insulin sensitivity, and insulin secretion before diagnosis of type 2 diabetes: an analysis from the Whitehall II study.’, Lancet journal, (), pp. [Online]. Available at: https://www.thelancet.com/…/PIIS0140-6736(09…/fulltext (Accessed: )

Show More

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button