เอามาให้อ่านกันขำๆ ประดับสมองนะครับ
มีงานวิจัยที่พึ่งตีพิมพ์ออกมาเป็น Cohort study(คือ การศึกษาแบบติดตามไปข้างหน้า) จากผู้หญิงในสหรัฐและเปอโตริโก้(ไม่รู้พิมพ์ถูกไหม) ทั้งหมด 43,722 คน แบ่งเป็น สองกลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มที่ไม่โดนแสงเวลานอน กับกลุ่มที่โดนแสง
ในกลุ่มที่โดนแสงจะมีกลุ่มพิเศษอีกอันนึงก็คือโดนแสงจากโทรทัศน์
โดยเริ่มเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม ติดตามรอบเอวและ BMI ตั้งแต่ปี 2003-2015 หรือ 12 ปีเลยที่เดียว
เค้าพบว่าถ้าเปรียบเทียบกับคนที่ไม่โดนแสงเลย คนที่โดนแสงมีอัตราการเพิ่มขึ้นของรอบเอวมากกว่าอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติ และที่หนักสุดคือกลุ่มที่เจอแสงทีวี น้ำหนักขึ้นอย่างน้อย 5 กก.แหนะ
โดยเค้าตั้งสมมติฐานถึงสาเหตุไว้ว่า แสงสว่างจะมีผลรบกวน circadian rhythm หรือนาฬิกาชีวิต กด Melatonin จากต่อมไพเนียลในสมอง และทำให้ melatonin ถูกทำลายมากขึ้น ถ้าใครเคยกินเมลาโทนินจะเห็นวิธีการใช้คือ หลังกินต้องปิดไฟให้มืดสนิท ถ้าไม่มืดก็เหมือนกินลูกอมเล่น เพราะเมลาโทนินสลายง่ายมากเวลาเจอแสงที่ผ่านเข้าตา
เวลาได้นอนแบบ deep sleep ร่างกายไม่ได้กินอะไร จะต้องอาศัยกระบวนการ Lipolysis ในการสลายไขมันออกมาเพื่อรักษาสมดุล เพื่อใช้สำหรับการสร้างความร้อน การหายใจ การเกิดปฏิกิริยาต่างๆตอนนอนในร่างกาย เคยได้ยินไหมครับ “แค่นอนดี ก็ผอมได้” แต่ต้องนอนให้ถูกนะ
ซึ่งไอ้เจ้า deep sleep นี่แหละ ต้องอาศัยเมลาโทนิน ในการพาไปให้ถึงจุดนั้น ถ้าเมลาโทนินลดลง deep sleep cycle ก็จะสั้นลงไปด้วย เช่น คนสูงอายุ เคยสังเกตไหมครับ พ่อ แม่ใครเดี๋ยวนี้หลับยาก ตื่นกลางดึก พอตื่นกลับหลับต่อไม่ได้ นี่เป็นสัญญาณนึของปริมาณเมลาโทนินที่ลดลง
เรื่องการนอนกับภาวะดื้ออินซูลินนี่หลังๆมีงานวิจัยออกมาเยอะ ทั้งรูปแบบการนอน เช่น เข้าเวรกะดึก การหลับๆตื่นๆ หรือนอนไม่พอ มีความสัมพันธ์กับโรคทาง Metabolic syndrome ทั้งนั้น ลองเข้าไปหาอ่านดูกันได้ เพราะงี้อาชีพคุณพยาบาล คุณหมอ รปภ. นี่เค้าเสียสละสุขภาพส่วนตัวมาเลยนะเนี่ย ค่าแรงก็ถูก(ขอบ่นหน่อย)
เอาเป็นว่าลองเข้าไปอ่านแล้วพิจารณากันดูครับ ลิงค์อยู่ในคอมเม้นนะ
ใครต้องเข้างานกะดึกข้ามคืนบ้างขอเสียงหน่อย
ผมขอไปนอนก่อนนะ Goodnight
#เพื่อนเบาหวาน
เพราะเราไม่ได้สอนแค่เรื่องเบาหวาน แต่เราสอนเรื่องการใช้ชีวิต
Diet Clinic by Dr.Tim
