การลดน้ำหนักหรือรักษาเบาหวานต้องใช้การบำบัด

เกริ่นนำ
เวลาคุณเครียด เวลาคุณหิว ภาพจำของอาหารที่เข้ามาในหัวคืออาหารอะไรครับ ทำไมเวลาถามถึงของโปรด จะมีขนม นม เนย ไอศครีม แต่ไม่มี แครอท ฟักทอง เนื้อหมูมาบ้างเลย ทำไมเราที่ทานสเต็กได้จนอิ่มมากๆแล้วแต่ยังกลับทานผลไม้ ขนมหวานปิดท้ายได้อีกจนหมด เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร สมองเราผิดปกติหรือไม่ ลองไปหาคำตอบกันดูครับ
อาหารประดิษฐ์ไม่ได้ประดิษฐ์มาเพื่อความอยู่รอด
บนโลกที่ขับเคลื่อนด้วยระบบทุนนิยม บริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอาหารยอมจ่ายปีละหลายล้านบาทในการประดิษฐ์สิ่งที่จะใส่ลงไปในอาหาร ผงปรุงรส แต่งสี แต่งกลิ่น ขัดสี เติมแป้ง/น้ำตาล น้ำมันแปรรูป จุดประสงค์หลักคงไม่ใช่เรื่องของสุขภาพหรือความอยู่รอดเป็นแน่แท้ แต่หากเพื่อทำให้คุณรู้สึกอยากกลับไปทานซ้ำอีก ทานได้เรื่อยๆ รู้สึกดีเวลาที่ได้ืทาน ก่อให้เกิดสภาวะที่เรียกว่า “การเสพติด”
ภาวะเสพติดอาหารแปรรูป
ภาวะการเสพติดอาหารแปรรูปจริงๆแล้วก็แทบไม่ต่างจาก การเสพติดบุหรี่ เหล้า หรือแม้กระทั่งยาเสพติด ที่ส่งผลให้คุณนึกถึงมันในระดับจิตใต้สำนึกแบบที่คุณอาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ หรือควบคุมสติไม่ได้ เพราะอาหารที่ไม่ใช่อาหารธรรมชาติ ส่งผลให้สมองมีการหลั่งสารสื่อประสาทที่เรียกว่า “โดปามีน” ออกมามากเกินปกติ ซึ่งโดปามีนนี้จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายหรือรู้สึกดีเวลาได้ทานสิ่งเหล่านั้น แล้วสมองของเราก็จะจำและนึกถึงสิ่งนั้นเวลาที่เราว่าง เราเครียด หรือเวลาเราหิว
ภาวะอ้วนก่อนอิ่ม
โดยทั่วไปแล้วอาหารที่มาจากธรรมชาติ เราสามารถทานได้โดยที่ไม่ต้องนับแคลอรี่ เราไม่สามารถทานเกินความต้องการของร่างกายได้ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเช่น โดนัท 1 ชิ้น กับสเต็กเนื้อ 1 ขีด แคลอรี่ก็พอๆกัน แต่ความอิ่มที่ได้รับนั้นไม่เท่ากัน คุณอาจทำโดนัท 10 ชิ้นได้ แต่สเต็ก 10 ชิ้นนั้นผมว่ายากกว่าโดนัทมาก เพราะฉะนั้นอาหารแปรรูปมีผลต่อสมองส่วนกลางที่เรียกว่า ไฮโพทาลามัส ที่เปรียบเสมือนเกจวัดปริมาณอาหารของร่างกายของเราเกิดความผิดเพี้ยนไป ไม่สามารถบอกให้เราอิ่มได้ก่อนที่จะทานเกิน ทำให้เราได้รับพลังงานมากเกินความจำเป็น นำไปสู่โรคอ้วนและโรคโภชนาการเกินได้
Sensory Specific Satiety
ขยายความให้เข้าใจง่ายคือ หากอาหารที่ทาน ทำให้เรารู้สึกฟินหรืออร่อยมากๆ สมองของเราสามารถแยกความอิ่มของอาหารนั้นออกมาเพิ่มได้ เหมือนมีกระเพาะที่ 2 ทำให้หลายคนที่อาจทานหมูกะทะจนอิ่มแล้ว แต่พอถึงเวลาทานไอศครีมก็ยังสามารถทานหมดถ้วยได้ทั้งๆที่ร่างกายไม่ได้ต้องการจริงๆ
การแก้ปัญหาความเครียดด้วยอาหารหรือการนำความสุขไปผูกกับอาหาร
ในยุคสังคมปัจจุบัน ความเครียดมีอยู่รอบตัว ความสุขจากธรรมชาติเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ มีแต่คาเฟ่สวยๆ ร้านอาหารเด็ดๆที่คอยเป็นแหล่งบรรเทาทุกข์หรือระบายให้กับคนสมัยนี้ หนึ่งในสาเหตุสำคัญของคนที่ปรับอาหารได้ไม่นานแต่ล้มเหลว นั้นก็เป็นเพราะเมื่อเขาปรับอาหารแล้ว ความสุขเดียวที่มีกลับหายไป ทำให้เค้าไม่มีความสุขหลงเหลืออีกเลย คนเหล่านี้จึงอยู่ในวงการได้ไม่นาน หากไม่สามารถหาสิ่งแทนหรือชีวิตมีปัญหาอื่นรุมเร้ามากมาย
สมองที่ไม่สุขหรือไม่ทุกข์เมื่อพูดถึงอาหาร คือสมองของคนที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง
สมองที่ได้รับการบำบัด คุณจะไม่รู้สึกยินดีหรือยินร้ายเมื่อได้ทานอาหาร แต่เราทานเพื่อการดำรงชีวิต เราสามารถค้นหาความสุขจากเรื่องอื่นๆได้ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ให้คุณนึกถึงภาพแฟนเก่าหรือแฟนคนแรก ความรู้สึกตอนเลิกกันใหม่อาจปวดร้าว ทรมานเหลือเกิน แต่วันนี้หากนึกย้อนกลับไปก็คงเหลือแต่ภาพความทรงจำ แต่ความรู้สึกนั้นได้หายไปแล้ว คุณอาจเคยเสพติดไอศครีม ขนม แต่เมื่อสมองคุณได้รับการบำบัดแล้ว เวลาที่คุณเห็นไอศครีม คุณก็จะเหลือแค่ความทรงจำว่าฉันเคยกิน รสชาติเป็นแบบนี้ แต่อารมณ์ร่วมก็จะหายไป ไม่ได้รู้สึกดีแต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่เช่นกัน
ไม่มีใครที่สามารถเลิกบุหรี่ได้โดยการลดการสูบลงวันละมวน
ไม่มีใครที่สามารถเลิกบุหรี่ได้โดยการลดการสูบลงวันละมวน ถ้าถามคนที่ประสบความสำเร็จในการเลิกบุหรี่ นอกจากเป้าหมายที่แน่วแน่แล้ว ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องหักดิบ เวลาอยาก ต้องเคี้ยวหมากฝรั่งหรือเบนความสนใจไปทำอย่างอื่น 14 วันหลังจากหยุดสิ่งที่ทำให้เสพติด สมองจะได้รับการ Detox และเริ่มไม่ยึดติดกับสิ่งเหล่านั้นอีกต่อไป
สร้างความสุขจากเรื่องอื่นไปพร้อมๆกัน
การที่คุณเลิกอาหารแปรรูป สุขภาพของคุณจะเริ่มดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ คุณสามารถนำมันมาเป็นแรงผลักดันให้คุณอยู่บนเส้นทางของอาหารธรรมชาติต่อ การออกกำลังกายช่วยให้คลายความเครียด เมื่อคุณมีความสุขได้ด้วยสิ่งต่างๆที่มีอยู่ในธรรมชาติ คุณก็จะมีภูมิคุ้มกันระยะยาวต่อโรคร้ายที่จะมากับอาหารแปรรูปแล้วครับ