ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันภาวะแทรกซ้อนที่สัมพันธ์กับภาวะดื้ออินซูลิน

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือ Myocardial infarction(MI)

สาเหตุการตายอันดับต้นๆของโลก ไม่แพ้อุบัติเหตุและมะเร็ง

ก่อนจะเริ่มให้ย้อนกลับไปอ่านเรื่อง Atherosclerosic ก่อนนะครับ เพราะโรคหัวใจขาดเลือดสาเหตุอยู่ที่เส้นเลือด ไม่ใช่ที่หัวใจ

จริงๆทุกอวัยวะในร่างกายสำคัญหมด
เวลาช๊อตเงิน ไตขายได้ แขน ขา ขายได้ ปอดขายได้
แต่หัวใจขายไม่ได้นะครับ 😅

มาทำความเข้าใจกายวิภาคกันก่อน
หัวใจแบบนี้ ❤️ มีสี่ห้อง แต่อยู่ได้คนเดียว 😇

เส้นประสาทที่มาเลี้ยงเป็นเส้นประสาทที่มาจากระบบประสาทอัตโนมัติ แตกต่างจากเส้นประสาทที่ผิวหนัง เพราะที่ผิวหนังจะรับความรู้สึกได้ดีกว่า แม่นยำกว่า เช่น เวลาเป็นแผลที่มือหลับตาก็บอกได้ว่ามันแสบ มันจี๊ดที่นิ้วไหน แต่หัวใจเวลาเป็นแผล 😭 จะไม่แสบ ไม่จี๊ด บอกไม่ได้ว่าตรงไหน เส้นประสาทรับได้แค่จุกๆ แน่นๆ

เส้นเลือดแดงหลักมีสามเส้นหลัก ออกมาจากเส้นที่ใหญ่สุดตรงขั้วบนของหัวใจ นอกจากเส้นพวกนี้ยังแตกย่อยๆอีกหลายร้อยแขง
สามเส้นหลักนี้มี ซ้าย ขวา และเส้นที่วิ่งลงไปขั้วล่าง แต่ละเส้นมีการ supply แต่ละห้องไม่เหมือนกัน

โดยทั่วไปเส้นเลือดที่หัวใจนี้ก็เหมือนกันเส้นเลือดอื่นๆทั่วร่างกาย กรณีมีการตีบเกิดขึ้น ก็จะสามารถตีบได้ทั้ง 3 เส้น

โดย process ของการตีบนั้นจะเริ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่วันนี้ดี พรุ่งนี้ตัน 100% และอาการของเส้นเลือดหัวใจตีบก็มักจะมีอาการให้เห็นถ้า ความตีบของรูหลอดเลือด ตีบ>70% ถ้าน้อยกว่านี้อาจไม่มีอาการเลย เดินได้ วิ่งได้ ออกกำลังกายได้

จะเห็นได้ว่าร่างกายยืดหยุ่นยินยอมให้เส้นเลือดตีบได้มากถึง 70% เลยทีเดียว

อาการของเส้นเลือดหัวใจตีบ
1. เจ็บแน่นหน้าอกใต้กระดูก sternum เหมือนมีช้างมาเหยียบ อาจร้าวไปกราม ไปแขนซ้าย หรือหลัง(Angina Pectoris)
2. อาการปวดเป็นมากขึ้นเวลาออกแรง
3. ถ้าได้พักอาการจะดีขึ้น

หากมี 2 ใน 3 ของอาการข้างต้น ก็มีโอกาสที่เค้าคนนั้นจะเป็นคนอกหัก ไม่มีใครรัก😭
ล้อเล่นครับ มีโอกาสสูงที่จะมีปัญหากล้ามเนื้อหัวใจตาย ควรที่จะได้รับการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัย

นอกจากอาการปวดข้างต้น คนไข้ก็จะมีอาการทางระบบประสาทอัตโนมัติ เช่น เหงื่อแตก เวียนศีรษะ เป็นลม

ในผู้ที่อายุมากเป็นเบาหวานมานาน และมีเส้นประสาทเสื่อมแล้ว อาการข้างบนอาจไม่ชัด หรือมีไม่ครบทุกข้อได้นะครับ

ส่วนใหญ่ คนจะรู้ว่าเป็นโรคหัวใจก็มักจะรอจนมีอาการ แล้วมา รพ. นั่นหมายความว่าต้องรอจนเส้นเลือดตีบไปกว่า 70% แล้ว แต่อาจยกเว้นในคนที่ความรู้สึกช้า โยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวาน พอมีอาการคิดว่าไม่เป็นอะไร ก็ปล่อยไป แต่หารู้ไม่ว่ากล้ามเนื้อหัวใจ เริ่มตายเป็นจุดเล็กๆ สะสมๆ พอสุดท้ายบริเวณที่ตายรวมกันมากขึ้น ก็ค่อยมา รพ. แต่ก็แทบเรียกได้ว่าสายไปแล้ว

และนี่คือปัญหาของไทยแลนด์ดินแดนกัญชา
คือ เรายังไม่สามารถมีระบบเข้าถึงการ early detect ในการตีบที่ < 70% ได้อย่างเพียงพอ มีใครที่ไป รพ.รัฐแล้วได้วิ่งสายพานบ้างครับ ถึงมีก็คงต้องบอกว่าน้อยมาก

ที่ต้องวิ่งสายพานหรือการทำ exercise stress test ก็เพราะว่าถ้าเส้นเลือดตีบไม่มาก เลือดที่มาเลี้ยงยังเพียงพอต่อการใช้ชีวิตประจำวันและอัตราการเต้นของหัวใจของเราอยู่ แต่การวิ่งสายพานจะกระตุ้นให้หัวใจทำงานมากขึ้น ต้องการเลือดมากขึ้น ภายใต้การดูแลของแพทย์ เมื่อถึงจุดที่หัวใจขาดเลือด การส่งสัญญาณไฟฟ้าก็จะผิดปกติ แสดงให้เห็นตั้งแต่เนิ่นๆได้👩‍⚕️

ยิ่งปีสองปีหลัง เทรนด์การวิ่งแบบพี่ตูนฮิตกันมาก ใครที่อายุมากๆดูมีความเสี่ยง แล้วจะหัดวิ่งแบบพี่ตูน ผมจับส่งวิ่งสายพานหมด

เพราะฉะนั้น คำแนะนำของผม
ข้อแรกสำหรับใครที่มีความเสี่ยงแล้ว เช่น มีภาวะดื้ออินซูลินในระดับสูงมากๆ เป็นเบาหวาน ความดัน สูบบุหรี่
ถ้ามีเงิน ก็อาจลองหาซื้อแพคเกจที่มีวิ่งสายพานดู
แต่ถ้าเงินไม่ถึง แต่ใจมันถึง ก็ข้ามไปข้อสอง
ข้อสอง คือ ป้องกันไม่ให้การตีบเป็นมากขึ้นและขจัดปัจจัยความเสี่ยงของการตีบออกไป คือตอนนี้ยังไม่มีอาการหรือตรวจไม่เจอ ถูกไหมครับ อย่ารอให้เป็นเลยดีว่า ตรวจสุขภาพประจำปีพื้นฐานก็พอ

แต่ถ้าคุณทำข้อแรกแล้ว ก็ต้องทำข้อสองอยู่ดีนะ

ผมให้ความสำคัญกับคนที่มีปัญหาแต่ยังไม่มีอาการมากกว่า เพราะจะช่วยลดอุบัติการณ์เสียชีวิตได้เยอะกว่า ลดภาวะทุพพลภาพได้มากกว่า

ส่วนใครที่เป็นและมีอาการแล้วก็รักษาตามระบบกันต่อไป

ยาวจัง จบแล้ว มาเล่นตอบคำถามกันหน่อยชิงหัวใจเหมือนเดิม

ภาวะดื้ออินซูลินมีผลทำให้เส้นเลือดหัวใจตีบหรือไม่?
ง่ายจนไม่น่าถาม แค่อยากจะย้ำเฉยๆ😅

ขอบคุณครับ
Dr.Tim DietClinic❤️

[elementor-template id=”1368″]
Show More

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Check Also
Close
Back to top button