การแปลผลเลือด

CAC scan

วันนี้มีคนไข้ประวัติสูบบุหรี่จัดมาหลายปี มีความดันโลหิตสูงและไม่เคยคุมอาหาร เล่าให้ฟังว่าช่วงนี้เหนื่อยง่ายมากขึ้น ทำ CACs(สแกนเส้นเลือดหัวใจ) ลักษณะออกมาเป็นดังภาพ

จากภาพในวงสีแดงคือเส้นเลือดหัวใจที่เคยมีการอักเสบสะสมมานาน และร่างกายพยายามซ่อมผ่านการฉาบคอเลสเตอรอลลงบนแผลที่ผนังหลอดเลือด(คอเลสเตอรอลคือนักดับเพลิงนะ ไม่ใช่คนเลวอย่างที่เข้าใจ) ในขณะเดียวกันปัจจัยของการอักเสบยังคงเกิดอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดเป็นการอักเสบเรื้อรัง เสื่อมสภาพและมีหินปูนมาเกาะให้เห็นเป็นสีขาวสว่างให้เห็น

จากหินปูนบนเส้นเลือดในภาพคนทั่วไปเห็นอาจพูดในใจ แล้วไงต่อ?
แต่คนเป็นหมอถ้าเห็นแบบนี้ตัวก็ไถลลงไปเอนนอนบนเก้าอี้ พร้อมอุทานในใจว่า “อิ๊บอ๋ายแอ้ว”

เพราะเส้นเลือดที่เอามาให้ดูถือเป็นเส้นเลือดแดงใหญ่ที่สำคัญมากต่อหัวใจและมีการตีบมากกว่า 50% ไปแล้ว การออกกำลังกายที่มากกว่า 5 METs(อ่านเพิ่มท้ายบทความ) เช่น วิ่งเหยาะๆ ยกของหนัก ปั่นจักรยาน วิ่งเล่นกับลูกหลาน หรือแม้กระทั้ง สะเอ๊กซ์ ทำให้หัวใจต้องการออกซิเจนมากขึ้นแต่เลือดไปไม่พอจนกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและเสียชีวิตทันทีได้ คล้ายกับกรณีเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีข่าวนักวิ่งมาราธอนเสียชีวิต ยังไงทางเพจเพื่อนเบาหวานก็ขอแสดงความเสียใจกับคนไข้ด้วยครับ

กลับมาที่ผู้ป่วยรายนี้ ถ้าว่ากันตามแนวทางการรักษาจริงๆ ผู้ป่วยรายนี้จัดว่าเส้นเลือดหัวใจตีบในระดับ 4 จาก 5 ระดับ อิงจาก CAD-RADS categories ซึ่งอยู่ในระดับ “รุนแรง” แนะนำว่าอย่างน้อยควรสวนหัวใจเพื่อถ่างเส้นเลือดป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่

และในมุมมองของโภชนบำบัดจะช่วยอะไรคุณลุงได้บ้าง
เบื้องต้นผมวิเคราะห์สาเหตุของการอักเสบแล้วหลักๆของคุณลุงมีอยู่ 3 อย่างคือ
1. บุหรี่(ตัวหลัก)
2. ไขมันประดิษฐ์(ไขมันทรานส์และโอเมก้า 6)
3. ภาวะดื้ออินซูลินจากคาร์โบไฮเดรทสะสม

การลด 3 ข้อข้างบนประกอบกับอาศัยตัวช่วยบางตัว เช่น LCIF, อาหารออแกร์นิค, ถั่วเน่าญี่ปุ่น Vitamin D3/K2, Omega-3 ผมคิดว่าอย่างน้อยก็ช่วยไม่ให้ตัวโรคดำเนินไปข้างหน้า แต่ส่วนที่มีปัญหาไปแล้วจะหวังรอคอยให้ร่างกายเคลียร์เองก็เสี่ยงเกินไปที่จะรอ เลยต้องคุยเรื่องการสวนหัวใจเอาไว้ด้วย

ยังไงก็อยากฝากหลายคนที่ได้มีโอกาสโชคดีเข้ามาอ่านว่า อย่าชะล่าใจว่าตัวเองไม่มีอาการ การตรวจสุขภาพประจำปีก็เป็นเรื่องสำคัญและประเมินตัวเองก่อนทุกครั้งที่จะไปวิ่งตามกระแส บางคนมีตรรกะ ไม่ตรวจ=ไม่เจอ=ไม่ป่วย อันนี้เอ๊ะ..อิหยังวะ มาอีกทีก็กลายเป็นยากไปซะแล้วเหมือนในเคสนี้ บางคนมาหาผมทีเหลือไตข้างเดียวงี้ ค่าไตระดับ 4-5 แล้วงี้ แรงบีบหัวใจเหลือเท่าแรงมด หมออย่างผมต้องหงายท้องนอนกอดหมอนร้องไห้ทุกคืนไป😂 แต่ก็ต้องสู้ต่อ เคสยิ่งยาก ยิ่งท้าทาย😅

ฝากกดไลค์กดแชร์เพื่อบอกต่อคนที่ไม่รู้และเพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยครับ
ด้วยรักจากหมอทิม❤️

เพจ #เพื่อนเบาหวาน
อย่าลืม!!!เรามีนัด Live กันพรุ่งนี้ทุ่มนึงนะครับ

“METs (Metabolic equivalent) คือ หน่วยที่ใช้บอกปริมาณออกซิเจน ที่ร่างกายต้องการในการใช้พลังงาน เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ โดยเทียบกับค่าความต้องการปริมาณออกซิเจนของร่างกายในขณะที่พัก 1 MET”

[elementor-template id=”1368″]
Show More

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button