ยูริกพังคุณแน่ ถ้าไม่รู้สิ่งนี้

รู้จักกรดยูริก
กรดยูริกเป็นผลพลอยได้จากการย่อยแอลกอฮอล์ น้ำตาลฟรัคโตส รวมถึงการสลายพิวรีนซึ่งพบในสิ่งมีชีวิตที่มีเซลล์แน่นๆ เช่น ยอดผัก สัตว์ปีก หอยตลับ หรือแม้กระทั่งเซลล์ร่างกายของเราเอง ซึ่งโดยทั่วไปร่างกายของเราไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์จากกรดยูริกเท่าไหร่ สุดท้ายจะถูกเอนไซม์ Uricase ย่อยให้กลายเป็นสารที่ละลายน้ำและขับทิ้งอีกที โดยประมาณ 2 ใน 3 จะขับทิ้งทางปัสสาวะ 1 ใน 3 จะถูกขับทิ้งทางอุจจาระ
กรดยูริกมีประโยชน์อะไร
ประโยชน์ของยูริกคือบอกให้ร่างกายเข้าสู่โหมดสะสมพลังงาน จะมีประโยชน์มากในช่วงที่เข้าสู่ฤดูกาลที่หาอาหารยากๆ เราพบว่าบรรพบุรุษเรามีการกลายพันธุ์ของยีนที่ทำให้ Uricase ทำงานน้อย เป็นหนึ่งในกุญแจที่ทำให้มนุษย์เราไม่สูญพันธุ์ ซึ่งถ้าย้อนกลับไปในสมัยโบราณก็คงจะมีประโยชน์ แต่พอมาในโลกปัจจุบันประโยชน์ตรงนี้ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป แต่อย่าลืมว่ายีนของเรายังคงเหมือนเดิม ในร่างกายของคนปกติ การขับยูริกออกเป็นเรื่องที่สบายมากๆ ต่อให้เราจะกินยอดผัก สัตว์ปีก หอยตลับเยอะแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นในคนทั่วไปที่ไม่เคยมีโรคเก๊าท์กำเริบสามารถทานอาหารพิวรีนเหล่านี้โดยไม่ต้องกังวล
ค่ายูริกสูงเกิดจากอะไร
การที่พบระดับยูริกในเลือดสูงมากขึ้น(>5.5 mg/L) เกิดได้จาก 2 กรณี คือ 1. ขับออกได้ช้า 2. สร้างออกมาเยอะมาก หรือมีทั้งสองข้อ
กรณีขับออกได้ช้าของกรดยูริก เช่น
- มีอัตราการกรองของไตที่แย่
- จุลินทรีย์ในลำไส้เสื่อมสภาพ(1)
- ยาขับปัสสาวะ|แอสไพริน|ยาลดความดัน Beta-Blocker|วิตามินบี 3|ไวอากร้า
- โรคทางกรรมพันธุ์
แต่การสร้างของกรดยูริกออกมามากๆนั้น มีได้หลายสาเหตุ เช่น
- ได้รับแอลกอฮอล์เยอะมากจนเกินไป
- ทานน้ำหวาน น้ำผลไม้ที่มีน้ำเชื่อมฟรุคโตส
- ทานผลไม้นอกฤดูกาล
- จุลินทรีย์ในลำไส้เสื่อมสภาพ(1)
- มีการตายของเซลล์ในร่างกายมากขึ้น
- อ้วนและร่างกายมีการอักเสบ
- เม็ดเลือดแตก
- เป็นมะเร็ง
ทำไมคนที่มีการสร้างกรดยูริกสูงจึงอ้วนง่าย
อย่างที่บอกไปว่ายูริกเป็นตัวที่สามารถบอกให้ร่างกายเก็บไขมันด้วยตัวมันเองแบบที่ไม่มีกลไกไหนมาห้ามได้เลย และร่างกายจะพยายามทำตัวให้อยู่ในโหมดสะสมพลังงานอยู่ตลอด เราจึงพบว่าคนที่มียูริกสูงจะสามารถอ้วนได้ง่ายกว่าคนที่มียูริกน้อยกว่า
ยูริกกับเก๊าท์
คนที่ยูริกสูงไม่จำเป็นต้องเป็นเก๊าท์เสมอไป แต่คนที่ยูริกสูง สำหรับผู้ชาย ยูริก>7 | ผู้หญิง>6 จะง่ายต่อการเป็นเก๊าท์โดยเฉพาะถ้าร่างกายมีการอักเสบสูงขึ้น มีการขาดน้ำ ยูริกที่ล่องลอยอยู่ตามน้ำไขข้อสามารถตกผลึกทิ่มแทงข้อให้เราเจ็บปวดได้
ยูริกกับนิ่วไต
เมื่อระดับยูริกสูงขึ้น ร่างกายเองก็จะพยายามขับออกทางปัสสาวะให้ได้มากที่สุด ซึ่งก็สามารถตกตะกอนเกิดเป็นนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะได้เช่นกัน
ยูริกกับไตวาย
ตัวยูริกเองไม่ได้ทำให้ไตของเราวายโดยตรง แต่ยูริกเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีตัวนึงที่บอกว่าร่างกายของเรากำลังมีปัญหาเรื่องระบบเผาผลาญอยู่หรือเปล่า หากมีการสะสมของยูริกก็มักชี้ให้เห็นว่าอนาคตมีโอกาสที่จะเป็นโรคหลอดเลือดต่างๆตามมา ไม่ว่าจะเป็นที่สมอง ไต หรือหัวใจ รวมถึงมะเร็งด้วย
วิธีการลดยูริก
การลดกรดยูริคไม่ใช่ว่าจะใช้เวลาหลักวันสองวันในการลด แต่อาจใช้เวลาเป็นเดือนๆในการลด ดังนั้นท่านก็ควรที่จะใจเย็น และคอยมอนิเตอร์เป็นระยะ ไม่ต้องถี่ สำหรับวิธี โดยทั่วไปจะมีดังนี้นะครับ
- หยุดแอลกอฮอล์ น้ำหวาน น้ำเชื่อมฟรัคโตส
- ไม่ทานผลไม้นอกฤดูกาล และเลือกทานผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น เบอร์รี่ต่างๆ
- ลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆเช่น Low carb/Balance Diet ฯลฯ
- มองหาผลิตภัณฑ์ที่ GMO-free หรือ Gluten-free
- เลิกน้ำตาล แป้งแปรรูป สารให้ความหวานทดแทนทั้งหมด
- โพรไบโอติกส์ธรรมชาติ เช่น ผักดอง,กิมจิ,กรีกโยเกิร์ต
สารอาหารที่อาจช่วยขับยูริก
- วิตามิน C 500 mg/วัน
- เควอซิทิน 1000 mg/วัน
- DHA 1000 mg/วัน
- สารสกัดสาหร่ายคลอเรลลา
การกินไก่ ยอดผัก ทำให้เป็นเก๊าท์หรือไม่
การจำกัดการทานยอดผัก สัตว์ปีก เครื่องในหรือซีฟู๊ดอาจยังไม่ได้มีความจำเป็นในกรณีที่ไม่เคยมีการกำเริบของเก๊าท์มาก่อน และการทานอาหารธรรมชาติที่มีพิวรีนสูงมากๆก็ไม่ได้ทำให้เป็นเก๊าท์เหมือนกัน เพราะตัวปัญหาของอาหารจริงๆอยู่ที่ แอลกอฮอล์กับฟรัคโตส
ในผู้ที่เคยมีอาการเก๊าท์กำเริบหรือมีนิ่วยูริกอยู่ก็อาจต้องเลี่ยงอาหารเหล่านี้ไปก่อนด้วย เพื่อหยุดเติมสิ่งที่กำลังล้น ให้รอจนกว่าร่างกายจะมีพื้นที่พอให้เติมอาหารเหล่านี้ครับ และการทำคีโตหรือ IF จะต้อดื่มน้ำตามมากๆ อันนี้สำคัญ เพื่อที่จะป้องกันการเสียน้ำจนน้ำไปสู่การกำเริบของผลึกยูริกได้ครับ