อุตสาหกรรมอาหาร จุดเริ่มต้นของหายนะ

อุตสาหกรรมอาหาร จุดเริ่มต้นของหายนะ
ความเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมกับโรคเรื้อรัง
ภาพข้างล่างแสดงให้เห็นถึงจำนวนของคนที่มี BMI เกินทั่วโลก ตั้งแต่ปี 1975 จนถึง ปัจจุบัน จะเห็นว่าตลอด 20 ปีที่ผ่านมา สีส้มในประเทศที่พัฒนาแล้ว และในประเทศที่กำลังพัฒนามีความเข้มที่มากขึ้น นั่นบ่งบอกถึง คนที่มีปัญหาทางเมตาบอลิซึมที่เพิ่มมากขึ้น

สิ่งสำคัญที่มีผลเอามากๆเลยคือ เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมอาหารที่เอื้อต่อมนุษยชาติมากขึ้น เน้นที่ปริมาณเพื่อให้ทันต่อกำลังการผลิต
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
มีการขัดสี แปรรูป ตัดต่อทางพันธุกรรม ลดความเป็นธรรมชาติของอาหารลง การเก็บอาหารในสมัยนี้ก็ทำได้ง่ายมากขึ้น ตู้เย็นที่ถูกสร้างขึ้นเสมือนร้านอาหารยามค่ำคืน ขนมต่างๆที่หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาในทุกหน้าปากซอย
สมัยก่อนนู้นข้าว 1 เม็ดที่ยังสมประกอบ นอกจากแป้งแล้วก็คงจะมีทั้งจมูกข้าว ไฟเบอร์ วิตามินต่างๆที่จะสามารถช่วยคานอำนาจของน้ำตาลไว้ แต่ข้าวสมัยนี้ของมีประโยชน์ก็ถูกขัดออกไปจนหมด ตักใส่จานก็ขาวเรียงตัวกันสวยงาม นี่คือตัวอย่างของสิ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิม
อาหารเหล่านี้ มีผลต่อการกระตุ้นอินซุลินของตับอ่อนจนสมดุลพลังงานเสียไป นำไปสู่ Metabolic syndrome
การเปลี่ยนแปลงทางเคมี
นอกจากนี้การคิดค้นวัตถุปรุงแต่งสังเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นผงชูรส การแต่งรส แต่งกลิ่น มีจุดประสงค์ให้สมองของเราเกิดความผิดปกติของระบบโดปามีน เป็นเหตุให้เราเสพติดหรือมีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมบริโภคสิ่งที่ถูกใจมากกว่าถูกปากมาขึ้น เกิดสภาวะ อ้วนก่อนอิ่ม แบบไม่มีที่สิ้นสุด
ทำให้ฮอร์โมนที่เสียสมดุลของร่างกายยังส่งผลต่อพฤติกรรมการทานอาหารอีกด้วย ทำให้เรามีแนวโน้มที่ทานอาหารในปริมาณที่มากขึ้น หิวบ่อยมากขึ้น ทานจุบทานจิบมากขึ้น ยิ่งทานมาก วงจรพวกนี้ก็อุบาทก์มากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
สิ่งเหล่านี้เชื่อว่าทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงระดับยีนส์ และสามารถส่งต่อให้ลูกหลานได้ทางพันธุกรรมเลยทีเดียว
Plan จะมีทายาทก็คิดเรื่องนี้ไว้ในใจหน่อยก็ดีนะครับ
กิจกรรมทางกายที่วิวัฒนาการตามไม่ทัน
ชีวิตของเราเหมือนอยู่บนลู่วิ่งที่หมุนอยู่ตลอดเวลา รถที่จอดนานๆเครื่องยนต์ก็อาจเสื่อมไวกว่าปกติ ร่างกายของเราก็เช่นกัน กล้ามเนื้อของเราจำเป็นต้องถูกใช้งาน เพื่อลดภาระเซลล์ไขมันไม่ให้ทำงานมากจนเกินไป
“Activity ที่ลดลง”
เดี๋ยวนี้รถติด นั่งในรถนาน นอนเล่นโซเชียลมีเดีย นอนดูหนัง ออกกำลังกายลดลง ของเหล่านี้ช่วยส่งเสริมให้ระบบเผาผลาญเราเพี้ยนได้มากยิ่งขึ้นไปอีก มีแต่การสะสมพลังงานตลอดเวลา
ในสมัยซัก 100 ปีก่อน คงไม่มีท่านออกญาคนไหนที่รู้จัก อาหาร Low carb, Atkin, Keto+IF หรอกใช่ไหมครับ แต่พอปัญหามันมากขึ้นเรื่อยๆ มนุษย์ก็คิดค้นรูปแบบการทานอาหารเหล่านี้จึงถูกออกแบบมา เพื่อใช้สำหรับคานอำนาจที่มากเกินไปของรูปแบบการทานอาหารที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อคืนสมดุลการเผาผลาญให้กลับมา เหมือนคนสมัยก่อน
น่าจะพอเริ่มเข้าใจทฤษฎีเบื้องต้นกันบ้างแล้วนะครับ
ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจครับ
Take care krub By Dr.TIM
[elementor-template id=”1368″]