แนวทางการรักษาและมอนิเตอร์

ทำไมเราไม่ควรทานยาไปนานๆ

เรามัวแต่ตั้งคำถามที่ว่า “ถ้าน้ำตาลในเลือดเราสูงเราจะเอาตัวเลขนี้มันลงได้อย่างไร โดยไม่สนใจที่มา”
การรักษาแม้จะมีเขียนใน Guideline ให้ปรับโภชนาการ แต่ก็ไม่สามารถทำให้เบาหวานหายได้
มิหนำซ้ำเราถูกกระหน่ำยาอย่างหนักหน่วง เพียงเพื่อที่จะทำให้ตัวเลขตรงนี้ดีขึ้น ผมยอมรับว่าการทำให้ HbA1C หรือน้ำตาลในเลือดดีขึ้นช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลันและป้องกันอาการมือชาเท้าชาได้ส่วนนึง
แต่เราก็ยังเจอภาวะเส้นเลือดแดงใหญ่ตีบกันได้อยู่เรื่อยๆ

จุดบอดของการใช้ยา

ยาส่วนใหญ่ออกฤทธิ์โดยการพยายามยัดเอาน้ำตาลที่สูงในกระแสเลือด
ดันเข้าไปในเซลล์ เหมือนเวลาเดินทางไปเที่ยว แล้วคุณเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าจนเต็มแล้วแต่คุณยังเหลือชุดสวยๆอีกสิบกว่าชุดที่ยังไม่เก็บ แต่พยายามฝืนยัดมันเข้าไป และแน่นอนว่าผลของการยัดน้ำตาลไม่ใช่ผลดีแน่นอน

ผลเสีย

อย่างที่ผมได้บอกไปครับ ยาส่วนใหญ่ออกฤทธิ์โดยการพยายามยัดเอาน้ำตาลที่สูงในกระแสเลือด ดันเข้าไปในเซลล์ทั้งๆที่มันเต็มแล้ว อาจได้ผลดีในระยะสั้น แต่ระยะยาวมีปัญหาแน่นอน แต่ที่ต้องรีบหยุดยาหรือถอยยาลงให้เร็วที่สุดก็เพราะ

1. ยายิ่งเยอะ โอกาสน้ำตาลต่ำยิ่งเยอะ หมายความว่า ยาที่ทานมันไม่สนใจหรอกครับว่าวันนี้คุณทานคาร์บไปเท่าไหร่ น้ำตาลในเลือดจะต่ำแค่ไหน น้ำตาลคุณจะขึ้นลงเป็นรถไฟเหาะ ถ้าวันนั้นคุณบังเอิญไม่สบาย ทานคาร์บน้อยกว่าปกติ แต่ทานยาเท่าเดิม คุณอาจช๊อคจากน้ำตาลต่ำได้ แล้วถ้าคุณอยู่ตัวคนเดียวด้วยหละก็ มีหวังสิ้นชีพได้

2. ลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆที่นอกเหนือจากน้ำตาลต่ำ เช่น ตับไตพังจากยา, เลือดเป็นกรดใน Metformin, ระบบทางเดินปัสสาวะติดเชื้อจาก SGLT2i ฯลฯ, การติดเชื้อตรงบริเวณที่ฉีดยา

3. หยุดการดำเนินโรคไม่ให้ไปข้างหน้าต่อ

4. หยุดกระบวนการขัดขวางการนำไขมันส่วนเกินมาใช้เป็นพลังงาน

5. คุณจะได้มีเวลาไปโฟกัสกับอย่างอื่นมากขึ้นที่นอกเหนือจากการทานยา

[elementor-template id=”1368″]
Show More

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button