ความรู้ทั่วไปเทคนิคง่ายๆ by หมอทิม

ลดน้ำหนักแบบไม่ต้องนับแคล

หลักการพื้นฐาน

ปริมาณแคลอรี่ที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มและพอใจนั้นไม่ใช่ตัวเลขคงที่ แต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของอาหารที่เรากินเป็นหลัก

  • อาหารคุณภาพดี = ใช้แคลอรี่น้อยกว่าก็อิ่มได้
  • อาหารคุณภาพต่ำ = ต้องใช้แคลอรี่มากกว่าถึงจะอิ่ม

ความเข้าใจนี้ทำให้เราสามารถควบคุมน้ำหนักได้โดยไม่ต้องบังคับจำกัดแคลอรี่

ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น สเต็กเนื้อ 1 ขีด ให้พลังงาน 270 kCal โดยประมาณ โดนัท 1 ขีด ให้พลังงาน 400 kCal อันไหนทำให้คุณอิ่มได้เร็วและนานกว่ากัน

7 กลยุทธ์หลักของเรา

1. เลิกดื่มเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่

เป้าหมาย: เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและแอลกอฮอล์

เหตุผล: แคลอรี่จากเครื่องดื่มไม่ทำให้อิ่ม และเรามักจะดื่มเพิ่มจากอาหารที่กินอยู่แล้ว

ควรหลีกเลี่ยง:

  • น้ำอัดลม
  • น้ำผลไม้
  • เครื่องดื่มชูกำลัง
  • กาแฟ/ชาที่ใส่น้ำตาล
  • เบียร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

คุณสามารถลดการตอบสนองของฮอร์โมนที่รุนแรงไปพร้อมกับลดแคลอรี่ที่ไม่จำเป็นได้หลายร้อยกิโลแคลอรี่

2. เลิกกินอาหารแปรรูปสูง (Ultra-Processed Foods)

คืออะไร: อาหารอุตสาหกรรมที่มีส่วนผสมสกัด (แป้งดัดแปลง น้ำตาล น้ำมัน) และสารเติมแต่งที่ไม่ได้ใช้ในการทำอาหารบ้าน มักออกแบบให้มีรสชาติเข้มข้นเกินจริง

ปัญหา: คนทั่วไปกิน 60-70% ของแคลอรี่ทั้งหมดจากอาหารพวกนี้ และงานวิจัยพบว่าทำให้กินแคลอรี่มากเกินไปโดยไม่รู้ตัว

วิธีแก้: เปลี่ยนมากินอาหารธรรมชาติหรือแปรรูปน้อยที่สุด

3. ระวังกับดักของอาหารอร่อย (Hyperpalatable Foods)

คืออะไร: อาหารที่ผสมผสานไขมัน น้ำตาล และเกลือในสัดส่วนที่กระตุ้นให้กินมากเกินไป

ตัวอย่าง:

  • ไขมัน + น้ำตาล: โดนัท เค้ก คุกกี้ ไอศกรีม
  • ไขมัน + เกลือ: เบคอน มันฝรั่งทอด พิซซ่า
  • แป้งขัด + เกลือ: ขนมกรุบกรอบต่างๆ

คำแนะนำ: กินเป็นครั้งคราว ไม่ใช่ทุกวัน (แม้จะทำเองที่บ้านก็ตาม)

4. ลดความหนาแน่นของพลังงาน (Energy Density)

คืออะไร: ปริมาณแคลอรี่ต่อ 100 กรัมของอาหาร

แหล่งที่มีสูง:

  • น้ำมันและไขมันบริสุทธิ์
  • น้ำตาลและน้ำเชื่อม
  • แป้งขัดและอาหารอบ (ขนมปัง ~260 แคลอรี่/100g เทียบกับพาสต้าต้ม ~160 แคลอรี่/100g)

หลักการ: อาหารที่มีความหนาแน่นสูงทำให้กินแคลอรี่รวมมากขึ้นโดยอัตโนมัติ ลดปริมาณน้ำมันที่ทานลงหากพบว่าไขมันไม่ลดลงไปเพิ่มเติม

ทางออก: เน้นการใช้ไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตจากธรรมชาติ

5. เน้นโปรตีนและไฟเบอร์

กลไกความอิ่ม:

  • โปรตีนทำให้อิ่มมากกว่าไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตเมื่อเทียบแคลอรี่เท่ากัน
  • ไฟเบอร์ให้ความรู้สึกเต็มท้องโดยไม่มีแคลอรี่

โครงสร้างมื้ออาหาร: ทุกมื้อควรมี

  • โปรตีนเป็นหลัก (ผู้หญิง 20-30 กรัม, ผู้ชาย 30-40 กรัม)
  • ผักและพืชที่มีไฟเบอร์สูง

แหล่งโปรตีน: เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ นม โยเกิร์ต เต้าหู้ ถั่ว

อาหารไฟเบอร์สูง: ผักไม่มีแป้ง ถั่วทุกชนิด ผลไม้ เมล็ดธัญพืชเต็มเมล็ด

ตัวอย่างมื้ออาหาร: เนื้อกับสลัดชาม, ปลากับผักย่าง, โยเกิร์กกรีกกับเบอร์รี่

6. จำกัดช่วงเวลาการกิน (Time-Restricted Eating)

คืออะไร: กินอาหารทั้งหมดภายในช่วง 6-10 ชั่วโมงต่อวัน

รูปแบบทั่วไป: 16:8 (กิน 8 ชั่วโมง อดอาหาร 16 ชั่วโมง)

ตัวอย่าง: กินระหว่าง 9 โมงเช้า – 5 โมงเย็น

ผลลัพธ์: ลดปริมาณแคลอรี่โดยธรรมชาติเพราะมีโอกาสกินน้อยลง

7. แก้ปัญหาการกินเมื่อไม่หิว

คืออะไร: การกินที่ไม่ได้เกิดจากความหิวทางกายภาพ

สาเหตุทั่วไป:

  • สังคม (มีคนชวน)
  • อารมณ์ (เบื่อ เครียด วิตกกังวล เศร้า)
  • สิ่งแวดล้อม
  • นิสัย

วิธีแก้:

  • สังเกตว่าอะไรกระตุ้นให้เรากิน
  • รู้จักรูปแบบการกินของตัวเอง
  • หาวิธีรับมืออื่นที่ไม่ใช่การกิน
  • แก้ไขปัญหาทางจิตใจที่เป็นต้นเหตุ

ทำไมการนับแคลอรี่อย่างเดียวจึงล้มเหลว

เพราะ ฮอร์โมนก็ผลในการควบคุมความหิวด้วยเช่นกัน

ถ้าบังคับกินแค่ 2,400 แคลอรี่ แต่ยังกินอาหารคุณภาพต่ำเหมือนเดิม ฮอร์โมนที่จะทำให้ร่างกายรู้สึกพอก็จะน้อยลงทำให้หิวตลอดเวลาและทนไม่ได้ในระยะยาว

สรุป: การบังคับจำกัดแคลอรี่โดยไม่ปรับคุณภาพอาหารมักจะล้มเหลว

เมื่อไหร่ควรนับแคลอรี่

ผมไม่ได้ห้ามนับแคลอรี่โดยสิ้นเชิง แต่ควร:

  • ปรับคุณภาพอาหารก่อนเป็นอันดับแรก
  • นับแคลอรี่เป็นเครื่องมือเสริม (ถ้าต้องการ)
  • ใช้เพื่อเพิ่มการตระหนักรู้

แนวทางปฏิบัติ

สำหรับรักษาน้ำหนัก:

  • เลือกใช้บางกลยุทธ์
  • ทำแบบผ่อนคลาย ไม่เข้มงวดจนเกินไป
  • สม่ำเสมอสำคัญกว่าสมบูรณ์แบบ

สำหรับลดน้ำหนัก:

  • ใช้หลายกลยุทธ์พร้อมกัน
  • ทำอย่างจริงจังมากขึ้น
  • ยิ่งทำได้มาก ผลยิ่งดี

หลักความยั่งยืน (สำคัญที่สุด):

ทำเฉพาะสิ่งที่คุณสามารถรักษาไว้ได้ตลอดชีวิตอย่างมีความสุข

  • ทดลองกลยุทธ์ต่างๆ
  • หาวิธีที่เหมาะกับตัวเอง
  • ทำได้นานสำคัญกว่าสมบูรณ์แบบชั่วคราว

ข้อเข้าใจผิดที่พบบ่อย

“ต้องนับแคลอรี่ถึงจะผอมได้” – ผิด! ปรับคุณภาพอาหารก็ลดแคลอรี่ได้เอง

“ขาดแคลอรี่เท่ากัน = หิวเท่ากัน” – ผิด! ความอิ่มต่อแคลอรี่แตกต่างกันมากตามคุณภาพอาหาร

“ต้องอดทนถึงจะผอม” – ผิด! กุญแจคือทำให้การกินดีๆ ง่ายขึ้น ไม่ใช่ยากขึ้น

“ต้องหิวถึงจะผอม” – ผิด! ผอมได้โดยยังกินอิ่มถ้ากินอาหารคุณภาพดี

“ต้องทำสมบูรณ์แบบ 100%” – ผิด! ทำได้สม่ำเสมอแต่ไม่สมบูรณ์ก็ได้ผลดีแล้ว

ประโยชน์เพิ่มเติม

กลยุทธ์เหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดน้ำหนัก แต่ยังปรับปรุง:

  • สุขภาพเมตาบอลิซึม
  • ความไวต่ออินซูลิน
  • การอักเสบในร่างกาย
  • ความเสี่ยงโรคหัวใจ
  • คุณภาพอาหารและสารอาหารโดยรวม

สรุป

การจัดการน้ำหนักอย่างยั่งยืนไม่ได้ขึ้นอยู่กับการนับแคลอรี่หรือความอดทน แต่ขึ้นอยู่กับการปรับปรุงคุณภาพอาหารให้ร่างกายรู้สึกอิ่มด้วยแคลอรี่ที่น้อยกว่าโดยธรรมชาติ เริ่มจากกลยุทธ์ที่ทำได้ง่ายที่สุด แล้วค่อยๆ เพิ่มเติมตามความพร้อม โดยเน้นที่ความยั่งยืนระยะยาวมากกว่าผลลัพธ์ระยะสั้น

Show More

One Comment

  1. เรียนถามคุณหมอค่ะ

    ถ้าเดินทางออกนอกประเทศ ถ้าถูกตรวจจับ sensor ของcgm จะผ่านได้ไหมค่ะ ทั้งขาออก และขาเข้าประเทศอื่นด้วยค่ะ

    ขอบคุณค่ะ

ส่งความเห็นที่ Sriphan Woratulanont ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button